ตลาดรถมือสอง คือ อะไร? เจาะลึกปัจจัยที่ทำให้เติบโตในไทย

ตลาดรถมือสอง คือ อะไร? เจาะลึกปัจจัยที่ทำให้เติบโตในไทย

ไขข้อสงสัยว่าทำไมตลาดรถมือสองจึงมียอดเติบโตขึ้นสูงขึ้นทุกปี

ในปี 2025 ที่เศรษฐกิจไทยที่กำลังฟื้นตัวจากวิกฤต และ ปัญหาห่วงโซ่อุปทานโลก ตลาดรถมือสอง หรือตลาดรถยนต์ใช้แล้วกลายเป็นดาวเด่นที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เติบโตต่อเนื่อง จากข้อมูลล่าสุดของสมาคมผู้ค้าตลาดรถยนต์ใช้แล้วแห่งประเทศไทย (ส.ร.ถ.) ยอดขายรถมือสองในช่วงครึ่งปีแรกทะลุ 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนหน้า และ คาดการณ์ทั้งปีจะทะลุ 2.5 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีมูลค่ากว่า 500,000 ล้านบาท ตลาดนี้ไม่ใช่เพียงแค่แหล่งซื้อขายรถเก่า แต่เป็นระบบวงจรที่เชื่อมโยงผู้ผลิต ผู้ขาย ผู้ซื้อ และ บริการหลังการขายเข้าด้วยกัน ดังนั้นบทความนี้เราจะอธิบายว่าตลาดรถมือสอง คือ อะไร และ เจาะลึกปัจจัยที่ทำให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในไทย เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวม และ แนวโน้มในอนาคตได้

ตลาดรถมือสอง คือ อะไร? พื้นฐาน และ ลักษณะสำคัญ

ตลาดรถมือสอง หรือ Used Car Market คือ สถานที่ หรือ ช่องทางสำหรับซื้อขายรถยนต์ที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง รถกระบะ รถ SUV หรือ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งแตกต่างจากตลาดรถใหม่ตรงที่เน้นความคุ้มค่า คุณภาพ และ ความหลากหลาย โดยผู้เล่นหลักจะประกอบด้วยผู้ขายรายบุคคล ดีลเลอร์มือสอง เต็นท์รถ เจ้าของทุนใหญ่ และ แพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง One2car หรือ Kaidee ในไทย ตลาดนี้แบ่งเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆได้แก่ ตลาดรอง (Secondary Market) ที่รถไหลเวียนจากเจ้าของเดิม และ ตลาดค้าปลีก (Retail) ที่ดีลเลอร์นำมาปรับสภาพรถก่อนขาย

โดยลักษณะเด่นของตลาดรถมือสองในไทย คือ มีความยืดหยุ่นสูง ผู้บริโภคสามารถหารถในราคาเริ่มต้นที่ 100,000-500,000 บาท สำหรับรุ่นยอดนิยมอย่าง Toyota Vios หรือ Honda City มือสองปี 2018-2023 ซึ่งประหยัดกว่าซื้อรถคันใหม่ถึง 40-60% นอกจากนี้ ตลาดรถมือสองยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายรัฐ เช่น การลดภาษีนำเข้าอะไหล่ และ การรับรองคุณภาพรถมือสอง (Certified Pre-Owned) จากผู้ผลิตชั้นนำอย่าง Toyota และ Honda ที่ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจในสภาพรถมากขึ้น

เจาะลึก 5 ปัจจัยที่ทำให้ตลาดรถมือสองเติบโตเพิ่มมากขึ้นในไทย

การเติบโตของตลาดรถมือสองในไทยไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่มาจากปัจจัยหลายๆประการที่ทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในปี 2025 ที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างช้าๆ และ ผู้บริโภคก็มีความรู้มากขึ้น เราจะมาเจาะลึก 5 ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาดนี้กัน

  1. เศรษฐกิจชะลอตัว และ ราคารถใหม่พุ่งสูง – ผู้บริโภคหันมาซื้อมือสองเพื่อความประหยัด
    เศรษฐกิจไทยในปี 2025 ได้เติบโตเพียง 2.5-3% ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เดิมจากเงินเฟ้อที่ยังสูง และดอกเบี้ยธนาคารแห่งประเทศไทยที่อยู่ที่ 2.5% ส่งผลให้ผู้บริโภคเลื่อนการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างรถใหม่ ทำให้ ตลาดรถมือสองไทยได้คาดการณ์การเติบโตที่ 8% ต่อปีจนถึง 2030 โดยผู้บริโภคกลุ่ม millennials และ Gen Z ซึ่งมีรายได้ปานกลาง 20,000-50,000 บาท/เดือน หันมาซื้อรถมือสองกันมากขึ้นถึง 60% เพื่อหลีกเลี่ยงภาระดอกเบี้ยรถใหม่ที่สูงถึง 4-5% ตัวอย่างเช่น ในช่วงครึ่งปีแรก ยอดขายรถเก๋งมือสองเพิ่มถึง 18% โดยเฉพาะ eco car อย่าง Honda City มือสองที่ราคาตกช้าทำให้คุ้มค่าที่สุด

  2. นโยบายรัฐ และ มาตรฐานใหม่จากสถาบันการเงิน – สร้างความเชื่อมั่น และ ยกระดับตลาด
    รัฐบาลไทยในปี 2025 ได้ผลักดันนโยบาย "รถมือสองรับประกันคุณภาพ" ผ่านการรับรอง Certified Pre-Owned (CPO) จากผู้ผลิตหลักอย่าง Toyota, Honda และ Isuzu ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ซื้อในตลาดรถมือสอง โดยรถ CPO ต้องผ่านการตรวจสภาพกว่า 200 จุด และ รับประกัน 1-2 ปี ส่งผลให้ยอดขาย CPO เพิ่ม 25% จากปีก่อน
    อีกปัจจัยสำคัญ คือ การกำหนดมาตรฐานใหม่โดยสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) ที่เข้มงวดขึ้นในการปล่อยสินเชื่อรถมือสอง เช่น ตรวจประวัติรถ และ จำกัดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% สำหรับรถอายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งจะช่วยลดปัญหารถผิดกฎหมาย และ เพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีนำเข้าอะไหล่รถมือสอง 5% ยังช่วยลดค่าบำรุงรักษา ทำให้รถมือสองแข่งขันกับรถใหม่ได้ดีขึ้น

  3. พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน – หันมาซื้อออนไลน์ และ เน้นความยั่งยืนมากขึ้น
    พฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2025 ได้มีการปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคดิจิทัล ทำให้การซื้อรถมือสองสะดวกขึ้นด้วยฟีเจอร์ ต่างๆ และ การรีวิวจากผู้ใช้จริง ทำให้ผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z นั้นจะเน้นรถ eco-friendly เช่น EV มือสองอย่าง MG ZS EV ที่ราคาตกเหลือต่ำกว่า 500,000 บาท แต่ประหยัดค่าไฟ และ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    นอกจากนี้ ความตระหนักรู้ด้านความยั่งยืนยังเพิ่มขึ้น จากนโยบาย Net Zero 2070 ทำให้ผู้บริโภค 40% เลือกซื้อรถมือสองเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่มลพิษรถยนต์เป็นปัญหาใหญ่ ทำให้ตลาดรถมือสองได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  4. การแข่งขัน และ นวัตกรรมจากผู้ประกอบการ – สร้างมาตรฐาน และ บริการใหม่ๆ
    ผู้ประกอบการในตลาดรถมือสองในไทยได้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเต็นท์รถรายใหญ่ๆกว่า 10,000 แห่งได้ขยายบริการเสริม เช่น การตรวจสภาพด้วย AI และ การรับประกันที่ยาวนาน 3 ปี นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ติดตามประวัติรถยิ่งช่วยลดการปลอมแปลงเอกสาร ทำให้ตลาดรถมือสองน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

  5. แนวโน้ม EV และ รถนำเข้าจากจีน – ขยายตลาดใหม่
    ในปี 2025 เป็นปีทองของตลาดรถมือสอง EV ในไทย โดยมีการนำเข้ารถจากจีนอย่าง BYD Atto 3 เพิ่มขึ้นทำให้ รถมือสองตกลงต่ำกว่า 600,000 บาท ทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นกว่า 40% จากราคาแบตเตอรี่ที่ถูกลง และ สถานีชาร์จที่เพิ่มขึ้นกว่า 2,000 แห่ง อีกทั้งนโยบายรัฐที่ลดภาษี EV มือสองลง 10% ยิ่งช่วยกระตุ้นตลาดให้เติบโตขึ้นถึง 15% ในเซกเมนต์นี้

นอกจากนี้ การนำเข้ารถมือสองจากญี่ปุ่น และ เกาหลีได้มีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 25% จากข้อตกลง FTA ที่ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่หลากหลาย และ ราคาถูกลง

จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าตลาดรถมือสองในไทยไม่ใช่เพียง “ทางเลือกราคาประหยัด” แต่กลายเป็นตลาดที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ และ อุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมอย่างยิ่ง โดยปัจจัยด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และ พฤติกรรมผู้บริโภค ล้วนเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาดนี้เติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย หากผู้ซื้อมีความรู้ และ เลือกซื้ออย่างรอบคอบ รถมือสองก็สามารถเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า และ ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง ดังนั้นหากกำลังมองหารถมือสองเราขอแนะนำ บอย ออโต้กรุ๊ป ศูนย์จำหน่ายรวมรถยนต์ และ ผู้เชี่ยวชาญตลาดรถมือสอง ไม่ว่าจะเป็น รถมือสอง หรือ รถรุ่นต่างๆนั้นมีให้เลือกมากมายในราคาย่อมเยาสภาพดี โดยมีชื่อเสียงในการนำเสนอรถคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ สถานที่ของเรามีรถให้เลือกมากกว่า 300 คัน รวมถึงรถเก๋ง กระบะ 4 ประตู รถ SUV มือสอง รถ 7 ที่นั่งมือสอง และ รถตู้มือสองซึ่งทุกคันผ่านการตรวจสอบสภาพอย่างละเอียดเพื่อให้ลูกค้าได้รับรถที่มีคุณภาพ และ คุ้มค่ามากที่สุดนั้นเอง

ติดต่อสอบถาม
บริษัท บอย ออโต้กรุ๊ป
ที่อยู่: 114 ซอยสุวินทวงศ์4 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี จังหวัดกรุงเทพมหานคร
เบอร์โทรศัพท์: (063) 474-2288

บริษัท บอยออโต้กรุ๊ป จำกัด (00003) (สาขารามคำแหง)
ที่อยู่: เลขที่ 195/8 ถนนรามคำแหง แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10240
เบอร์ติดต่อ : 087-324-4000
Line ID : @boy002

เปรียบเทียบรถยนต์